สรุปงานวิจัย
เรื่อง ผลการจัดประสบการณ์แบบโครงการที่มีต่อทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
ชื่อผู้วิจัย : ลำดวล ปั่นสันเทียะ
มาหาวิทยาลัย ศรีนครินวิโร
ความสำคัญของการวิจัย
1. เป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการจัดประสบการณ์แบบโครงการให้กับครูผู้ปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัย
2. เป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์เพื่อเสริมทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญตามแนวทางการจัดประสบการณ์แบบโครงการ
3. เป็นการส่งเสริมการจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
ความมุ่งหมายของการวิจัย
เพื่อศึกษาผลการจัดประสบการณ์แบบโครงการที่มีต่อทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
1. เพื่อศึกษาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบโครงการ
2. เมื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบโครงการก่อนทอดลองและหลังทดลอง
1. เพื่อศึกษาทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบโครงการ
2. เมื่อเปรียบเทียบทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดประสบการณ์แบบโครงการก่อนทอดลองและหลังทดลอง
ประชากรที่ใช้ในการทดลอง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เด็กปฐมวัย
ชาย-หญิง ที่มีอายุระหว่าง 5-6 ปี
ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2545 โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏนครราชสีมา
อำเภอ เมือง จังหวัด นครราชสีมา จำนวน 15 คน
ตัวแปรที่ศึกษา
ตัวแปรอิสระ ได้แก่ การจัดประสบการณ์แบบโครงการ
ตัวแปรตาม ได้แก่ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาตร์
นิยามศัพท์เฉพาะ
1.เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กนักเรียนชาย-หญิง อายุระหว่าง 3-5 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2545 โรงเรียนสาธิตสถาบันราชภัฏนครราชสีมา
อำเภอ เมื่อง จังหวัด นครราชสีมา
2.ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ หมายถึง
ความสามารถที่เด็กปฐมวัยแสดงด้วยตนเองในการแสวงความรู้โดยใช้ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ทั้
6 ได้แก่ ทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการการงความเห็น ทักษะกระบวนการวัด ทักษะการสื่อความหมาย ทักษะการลงความคิดเห็น และทักษะการพยากรณ์
สามารถวัดได้จากแบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมา
2.1 ทักษะการสังเกต ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ็นและผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุประสงค์
ที่จะหาข้อมูลซึ้งเป็นรายละเอียดของสิ่งนั้โดยไม่ใส่ความคิดเหน็ไรลงไป
2.2ทักษะการจำแนกประเภท มีอยู่ 3 อย่าง คือ ความเหมือน ความต่างและความสัมพันธ์
โดยใช้เกณฑ์ที่ใช้ประสาทสัมผัสส่วนไดส่วนหนึ่งของร่างกาย
2.3ทักษะการวัด ได้แก่ สายวัด ไม่บรรทัด และเครื่องมืออื่นๆ วัดปริมาณสิ่งของที่ต้องการทราบได้อย่างถูกต้อง
2.4ทักษะการลงความคิดเห็น หมายถึง ความสามารถในการนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการทดลองและการทำกิจกรรมต่างๆที่ไปสัมพันธ์ความรู้และประสบการณ์เดิมเพื่อลงข้อมูลสรุปหรืออธิบาย ปรากฏการณ์นั้นๆ
2.5ทักษะการสื่อสารความหมาย หมายถึง การทดลองหรือการทำกิจกรรมอื่ๆมาจัดทำและเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้องโดยการนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตมาจัดให้มีความสัมพันธ์ให้ง่ายต่อการแปลความหมาย ในรูปแบบตาราง แผนภูมิ หนังสือและนิทรรศการ โดยทั้งหมดมีลักษณะตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อนสามารถสือความหมายให้ผู้อื่นรับรู้ได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
2.6ทักษะการพยากรณ์ หมายถึง ความสามารถในการทำนายหรือคาดคะเนสิ่งที่จะเกิดขึ้นส่วนหน้า โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสังเกตหรือข้อมูลจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ซ้ำๆ จากความรู้ที่มีมาก่อน
2.1 ทักษะการสังเกต ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ็นและผิวกาย เข้าไปสัมผัสโดยตรงกับวัตถุประสงค์
ที่จะหาข้อมูลซึ้งเป็นรายละเอียดของสิ่งนั้โดยไม่ใส่ความคิดเหน็ไรลงไป
2.2ทักษะการจำแนกประเภท มีอยู่ 3 อย่าง คือ ความเหมือน ความต่างและความสัมพันธ์
โดยใช้เกณฑ์ที่ใช้ประสาทสัมผัสส่วนไดส่วนหนึ่งของร่างกาย
2.3ทักษะการวัด ได้แก่ สายวัด ไม่บรรทัด และเครื่องมืออื่นๆ วัดปริมาณสิ่งของที่ต้องการทราบได้อย่างถูกต้อง
2.4ทักษะการลงความคิดเห็น หมายถึง ความสามารถในการนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการทดลองและการทำกิจกรรมต่างๆที่ไปสัมพันธ์ความรู้และประสบการณ์เดิมเพื่อลงข้อมูลสรุปหรืออธิบาย ปรากฏการณ์นั้นๆ
2.5ทักษะการสื่อสารความหมาย หมายถึง การทดลองหรือการทำกิจกรรมอื่ๆมาจัดทำและเสนอให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างถูกต้องโดยการนำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตมาจัดให้มีความสัมพันธ์ให้ง่ายต่อการแปลความหมาย ในรูปแบบตาราง แผนภูมิ หนังสือและนิทรรศการ โดยทั้งหมดมีลักษณะตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อนสามารถสือความหมายให้ผู้อื่นรับรู้ได้อย่างถูกต้องและชัดเจน
2.6ทักษะการพยากรณ์ หมายถึง ความสามารถในการทำนายหรือคาดคะเนสิ่งที่จะเกิดขึ้นส่วนหน้า โดยอาศัยข้อมูลที่ได้จากการสังเกตหรือข้อมูลจากประสบการณ์ที่เกิดขึ้น ซ้ำๆ จากความรู้ที่มีมาก่อน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1.แบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
2.แผนการจัดประสบการณ์แบบโครงการ
ระยะเวลาการทดลอง
การทดลองครั้งนี้ทำในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2545 ใช้เวลาในการทดลอง สัปดาห์ละ 4
วัน รวมทั้งหมด 8 สัปดาห์
เวลาในการทำกิจกรรมหรือจัดประสบการน์ในแต่ระวัยยึดยุ่นตามลักษณะกิจกรรมและความสนใจของเด็กโดยใช้การจัดประสบการณ์แบบโครงการเข้ามาจัดในกิจกรรมวงกลม
สรุปการวิจัย
ภายหลังการสังเกตการส่งเสริมทักษะของการสังเกตของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่
3 โดยการจัดกิจกรรมแบบโครงการที่มีต่อทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย
เด็กได้มีทักษะการสังเกต ทักษะการจำแนกประเภท ทักษะการการงความเห็น ทักษะกระบวนการวัด ทักษะการสื่อความหมาย ทักษะการลงความคิดเห็น และทักษะการพยากรณ์
สามารถวัดได้จากแบบทดสอบวัดทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น